How to Automate test with Robot framework - up1/soa_group2 GitHub Wiki

1. Settings
2. Variables
3. Keywords
4. Test Cases

สร้างไฟล์ .robot ขึ้นมาแล้วเปิด code editor แล้วใส่ setting ตามนี้

*** Settings ***
Library           Selenium2Library
Test Setup        Start Browser
Test Teardown     Close All Browsers

เป็นการ setting เพื่อบอกว่าเป็นการ import Selenium Library

**หมายเหตุ คำว่า Library กับ Selenium2Library ต้องเว้นวรรคห่างกัน 4 space ขึ้นไปเท่านั้น

ส่วนนี้เอาไปสำหรับตั้งตัวแปรและใส่ค่าตัวแปรต่างๆที่จะเอาไปใช้บ่อย หรือ เพื่อให้สวยงาม

*** Variables ***
${TESTADDRESS}    https://www.youtube.com/
${BROWSER}        chrome
${FIVESECOND}     5.0
${TENSECOND}      10.0

**หมายเหตุ การตั้งตัวแปร ต้องเว้นวรรคระหว่างตัวแปรกับค่าที่จะใส่ 4 space ขึ้นไป

Keywords คือการกระทำที่เราตั้งค่าให้ว่า จะให้ทำอะไรบ้างเช่น

*** Keywords ***
Start Browser
    Open Browser    ${TESTADDRESS}    ${BROWSER}
    Maximize Browser Window
Check Rick Roll
    Wait Until Page Contains Element    tag=video    ${TENSECOND}
    Sleep     ${TENSECOND}
    Page Should Contain    Rick Astley - Never Gonna Give You Up
    Page Should Contain    RickAstleyVEVO

จาก code ข้างบน จะทำการสร้าง keyword ชื่อ Start browser ขึ้นมา ซึ่งเมื่อเราเอา keyword ไปใช้จริงจะเกิดการกระทำ 2 อย่าง ดังนี้

1. เปิดเว็บบราวเซอร์ จาก ตัวแปร ${BROWSER} ซึ่งก็คือ google chrome นั่นเอง
2. ขยายหน้าต่่างเว็บบราวเซอร์ให้เต็มจอ

**หมายเหตุ การตั้ง keyword นั้นต้องพิมพ์ชื่อ keyword (แนะนำให้ตั้งชื่อแบบCapitalize) และเคาะ enter หนึ่งครั้งเพื่อเว้นบรรทัด เสร็จแล้วก็ต้องเว้นวรรค 4 space (ด้วยการเคาะ spacebar 4 ครั้ง) แล้วจึงใส่ คำสั่งว่า จะให้ทำอะไร และก็ต้องดูว่า คำสั่งนั้นต้องการ argument ด้วยหรือไม่ ถ้ามีเช่น คำสั่ง Open Browser เมื่อพิมพ์ Open Browser เสร็จก็ต้อง เว้นวรรค 4 space แล้วจึงใส่ค่า argument ต่างๆ ดังตัวอย่างข้างต้น

Test Cases เป็นส่วนที่เอาไว้ รัน test case ต่างๆ ตามที่เราเขียนลงไป

*** Test Cases ***
ทดสอบค้นหาเพลง never gonna give you up ด้วยการค้นหาแบบเต็มคำ
    Input Text    masthead-search-term    never gonna give you up
    Click Button    xpath=//*[@id="search-btn"]
    Wait Until Page Contains    Rick Astley    ${FIVESECOND}
    Wait Until Page Contains Element    link=Rick Astley - Never Gonna Give You Up
    Click Link     link=Rick Astley - Never Gonna Give You Up
    Check Rick Roll

ทดสอบค้นหาเพลง never gonna give you up ด้วยการค้นหาแบบไม่เต็มคำ
    Input Text    masthead-search-term    never gonna
    Click Button    xpath=//*[@id="search-btn"]
    Wait Until Page Contains    Rick Astley    ${FIVESECOND}
    Wait Until Page Contains Element    link=Rick Astley - Never Gonna Give You Up
    Click Link     link=Rick Astley - Never Gonna Give You Up
    Check Rick Roll

จาก code ดังกล่าว จะ ทำการทดสอบ 2 test case โดยมีชื่อ test case ว่า

• "ทดสอบค้นหาเพลง never gonna give you up ด้วยการค้นหาแบบเต็มคำ"
• "ทดสอบค้นหาเพลง never gonna give you up ด้วยการค้นหาแบบไม่เต็มคำ"

**ในหนึ่ง test case ใช้ได้หลาย keyword และสามารถใช้ได้ทั้ง keyword ที่เราสร้างขึ้นมาหรือจะใช้ default keyword ของ Selenium2Library ก็ได้

ปกติเวลาเราใช้ default keyword เช่น Click Element keyword นี้ต้องการ argument ที่เป็น locator เพื่อบอกว่า จะให้ไปคลิ๊กที่แห่งหนใด

ตัวอย่างการใช้ locator

• ใช้แบบหาจาก HTML element id เช่น

  Click Element id=search-btn -> <button id='search-btn'>Search</button>

• ใช้แบบหาจาก HTML DOM element เช่น

  Click Element dom=document.links[11] -> <a href="#">Go to 11 street</a>

• ใช้แบบหาจาก HTML name attribute เช่น

  Input Text name=search-box lorem ipsum -> <input name='search-box' />

• ใช้แบบหาจาก CSS Selectors เช่น

  Click Element css=div.my-button -> <div><button class='my-button'></button></div>

• ใช้แบบหาจาก XPATH เช่น

  Click Element xpath=//*[@id="btn"] -> <div><button id='btn'>Search</button></div>

• ใช้แบบหาจาก Link Text เช่น

  Click Link link=go top -> <div><a href='#'>go top</a></div>

• Selenium 2 Document
• Selenium Best practices
• Github
• Example Code by @Tomhero