Resins - natkli/thakc GitHub Wiki

เรซิ่นมีหลายประเภทและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ควรเลือกเหมาะสมสำหรับงานแต่ละประเภท สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเรซิ่น มีดังนี้

  • Resin types (ประเภทของเรซิ่น)
  • Vicosity and Hardnesss (ความหนืด และ ความแข็ง)
  • Pot life and cure time (เวลาจัดการ และ เวลาแข็งตัว)

Resin types (เรซิ่นแต่ละประเภท)

เรซิ่นมีหลายประเภทและคุณสมบัติแตกต่างกันไป แต่ก็จะมีหลักๆอยู่ 4 ประเภท เช่น Polyester, UV , Epoxy และ Polyurathan

Polyester Resin

Polyester resin หรือที่เรียกกันว่า 'เรซิ่น' เป็นพลาสติกเหลว มีลักษณะหนืดคล้ายน้ำมันเครื่อง มีสีใส มีกลิ่นฉุน แข็งตัวด้วยการผสมกับตัวเร่ง เป็นวัตถุไวไฟมีคุณสมบัติแข็ง ใส เงา มีการหดตัวเมื่อทำชิ้นงานเสร็จ ประมาณ 2-3% อยู่ที่การผสมสารเร่งแข็ง ทนอุณหภูมิสูงดีกว่าพลาสติกแต่น้อยกว่าโลหะ มีหลากหลายชนิดแล้วแต่การใช้งานเช่น เรซิ่นหล่อทั่วไป เรซิ่นหล่อใส เรซิ่นไฟเบอร์กลาส เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่น ใสมากเป็นพิเศษ หดตัวน้อย ยืดหยุ่นตัวมาก ทนความร้อนมาก เป็นต้น

การแข็งตัว มักจะใช้ตัวโคบอล (catalyst หรือที่เรียกกันว่า ตัวม่วง) + ตัวเร่งแข็ง โดยองค์ประกอบที่สำคัญต่อการเซทตัวคือ อุณหภูมิ ยิ่งสูงยิ่งแข็งเร็ว

  • ปริมาณโคบอลและตัวเร่งยิ่งมากยิ่งแข็งเร็ว
  • ความชื้น ยิ่งความชื้นสูงยิ่งแข็งช้า ผิวหน้างานจะขุ่นมัว
  • ปริมาณออกซิเจน ออกซิเจนเป็นตัวป้องกันการแข็งตัว ถ้ากวนนานออกซิเจนยิ่งสูง ยิ่งแข็งตัวช้า (มีประโยชน์ในการเก็บรักษา ถ้าสร้างออกซิเจนในถังด้วยการกลิ้งถังขวดไปมาให้ด้านในขยับตัวได้จะเกิดออกซิเจน จะเก็บรักษาได้นานขึ้น)

ข้อดี

  • หาซื้อง่าย ราคาถูก
  • แห้งไว สามารถทำให้แข็งไวมากขึ้นด้วยการใส่ตัวเร่ง

ข้อเสีย

  • ทำให้ใสได้ยาก
  • มีกลิ่นฉุนมาก
  • หดตัวเล็กน้อยเมื่อเรซิ่นแข็งแล้ว
  • ผสมยาก

Epoxy Resin

Epoxy resin อีพ็อกซี่ก็คือเรซิ่นชนิดหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นให้มีหลากหลายสูตรเหมาะกับงานหลายประเภทเหมือนกัน แต่การใช้งานนั้นกว้างกว่าเรซิ่นทั่วไป สามารถใช้ทดแทนกันได้ อีพ็อกซี่เรซิ่นถือเป็นประเภทเรซิ่นเกรดคุณภาพสูง จุดเด่นของอีพ็อกซี่เรซิ่นคือ ความแข็งแรง การยึดติดแน่น ความใสและมันเงา ไร้รอยต่อ เริ่มแห้งตั้งแต่ 12 ชั่วโมง ใช้เวลา 24 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อให้แห้งสนิท

การแข็งตัว แบ่งเป็น 2 ส่วน A และ B ส่วน A คือเรซิ่น ส่วน B คือตัวทำแข็ง ผสมในอัตราส่วน A:B 2:1 (แล้วแต่ยี่ห้อ)

  • ปริมาณพาร์ท B ยิ่งมากยิ่งแข็งเร็ว แต่ควรผสมตามสัดส่วน เนื่องจากการแห้งที่ช้าของอีพ็อกซี่ทำให้ฟองสามารถลอยขึ้นมาแตกตัวด้านบน งานจึงจะใส
  • ความชื้น ยิ่งความชื้นสูงยิ่งแข็งช้า ผิวหน้างานจะขุ่นมัว

ข้อดี

  • ใสมาก ใช้งานง่ายกว่าเรซิ่นทั่วไป
  • กลิ่นไม่แรง
  • เมื่อแข็งแล้วไม่หดตัว
  • ผสมง่าย

ข้อเสีย

  • ราคาแพงกว่าเรซิ่นทั่วไป
  • แห้งช้า ใช้เวลา 24 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อให้แห้งสนิท

UV Resin

UV Resin เป็นเรซิ่นเนื้อใสที่สามารถแข็งตัวได้เมื่อถูกแสง UV และจะแข็งตัวก็ต่อเมื่อโดนแสงยูวีเท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีเครื่องอบยูวี(แบบที่ใช้ทำเล็บ) แต่ถ้าหากไม่มีก็สามารถนำไปตากแดดจัดๆ ได้ จะแข็งเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับแสงแดดของวันนั้นๆ ความหนืดต่ำไหลได้ง่าย เหมาะสำหรับทำชิ้นงานเล็กๆ นิยมนำไปทำเครื่องประดับ

ข้อดี

  • แข็งทันทีเมื่อนำไปอบในเครื่องอบ
  • ไม่มีกลิ่น
  • เหลืองช้าที่สุดในทุกเรซิ่น
  • ไม่จำเป็นต้องผสมอะไรเพิ่มเติม แกะจากขวดสามารถใช้ได้เลย
  • ใสมาก มีฟองน้อยเนื่องจากไม่จำเป็นต้องผสม

ข้อเสีย

  • ราคาแพงที่สุด
  • ต้องซื้อเครื่องอบ

Polyurethane Resin

Polyurethane Resin หรือ PU Resin ได้รับความนิยมในการนำมางานประเภท ผลิตต้นแบบ (Prototype), ทำแม่พิมพ์ (mould) โดยมีข้อดีในเรื่องการทนรอยขีดข่วนได้ดี, การเก็บรายละเอียดต้นแบบได้สูง และมีการหดตัวที่ต่ำ มีความทนทานต่อสารเคมี, น้ำมัน, และคราบต่างๆ ทำให้เพิ่มอายุการใช้งานของสินค้า เหมาะสำหรับงานหล่อที่ต้องการความรวดเร็วและร่นระยะเวลาการทำงานให้สั้นลง เนื่องจากเวลาทำงานสั้นมากใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีในการแข็งตัวและสีไม่ใส

ข้อดี

  • แข็งไวมาก
  • ทนทานต่อรอยขีดข่วนมาก
  • ทนอุณหภูมิได้สูง

ข้อเสีย

  • ราคาแพง
  • ระยะการทำงานสั้นมาก เพียง 5 นาที ทำให้ไม่เหมาะสำหรับงาน Handmade

ข้อควรระวังการใช้เรซิ่น

  • ควรใส่ถุงมือและหน้ากากกันสารเคมีทุกครั้งก่อนเริ่มทำงาน
  • เมื่อเข้าตาควรพบแพทย์โดยด่วน หากถูกส่วนอื่นของร่างกายควรเช็ดถูทำความสะอาดด้วยอะซีโตน
  • มีหลายชนิด การใช้งานย่อมต่างกัน หากใช้ผิดชนิดจะทำให้งานเสียหายได้
  • ถ้าผสมกับตัวทำให้แข็งในปริมาณที่มากๆ จะทำให้มีกลิ่นฉุน และเกิดความร้อนสูง อาจเกิดไฟลุกได้
  • ไม่ควรเก็บไว้ในที่ร้อนหรือถูกแดดเป็นเวลานานติดต่อกัน การโดนแดดจะทำให้สีของเรซิ่นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
  • ไม่ควรเปิดฝาภาชนะทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้แข็งตัวและเสื่อม ที่เก็บรักษาดีแล้ว จะมีอายุใช้งานไม่เกิน 2 เดือน

Vicosity and Hardness (ความหนืด และ ความแข็ง)

ก่อนเลือกซื้อเรซิ่นควรดู ความแข็งของตัวเรซิ่นหลังแห้งสนิท และที่สำคัญอีกหนึ่งข้อคือความหนืดของตัวเรซิ่นขณะผสม

  • Vicosity คือ ความหนืดของเรซิ่น มีหน่วยเป็น "cps" ความหนืดยิ่งน้อยยิ่งดี ทำให้เทลง mold ง่าย และทำโอกาศการเกิดฟองน้อย
  • Hardness หรือความแข็ง มีหน่วยวัดเป็น "shore" ความแข็งก็เป็นปัจจัยสิ่งสำคัญ เรซิ่นต้องแข็งแรงพอที่จะไม่แตก หรือ หัก ขณะการใช้งาน ยิ่งแข็งยิ่งดี

Chart เปรียบเทียบความหนืด

Liquid viscosity

Chart เปรียบเทียบความแข็ง Shore hardness chart

Pot life and cure time (เวลาจัดการ และ การแข็งตัว)

Pot life และ cure time สองสิ่งนี่เป็นสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะเลือกซื้อ

  • Pot life คือเวลาที่ทั้งหมดที่มีในการผสมเรซิ่น part A และ part B เข้าด้วยกัน. Prosess ทั้งหมดต้องอยู่ภายในเวลา technical sheet กำหนดมา เรซิ่นจะเริ่มทำปฏิกิรยาทางเคมีทันทีเมื่อผสมกัน ใช้เวลาผสมนานเกินไปอาจทำให้เรซิ่นอาจจะเกิดฟองและเสียไปเลย

  • Cure time คือเวลาที่เรซิ่นใช้ในการแข็งตัว เรซิ่นที่เทลงใน mold ไม่ควรเอาออกมาไวเกินไป จะทำให้เรซิ่นยังแข็งตัวไม่พอและอาจผิดรูป